สัญลักษณ์ ประจำชาติ นั้นก็คือ เพลงชาติไทย ซึ่่งแสดงความเป็น เอกราช ของชาติ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เป็นศูนย์ รวมใจของคนในชาติให้เป็นจุดเดียวกัน สร้างความรู้สึกสำนึกในความเป็นพี่น้อง สร้างความภูมิใจ ในศักดิ์ศรี สิทธิ เสรีภาพ ระหว่างคนในชาติ และเพื่อปลุกใจให้เกิดความรักชาติ
![]() |
เพลงชาติไทย |
เนื้อหา
- เพลงชาติไทยฉบับที่หนึ่ง
- เพลงชาติไทยฉบับที่สอง
- เพลงชาติไทยฉบับที่สาม
- เพลงชาติไทยฉบับที่สี
- เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า
- เพลงชาติไทยฉบับที่หก
- เพลงชาติไทยฉบับที่เจ็ด
- เนื้อร้องที่หลวงสารานุประพันธ์ทดลองแต่ง
- เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 1
- เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 2
- เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 3
- เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 4
- เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 5
- การแก้ไขของฝ่ายรัฐบาลไทย
- ส่วนที่ต่างจากฉบับทางการในปัจจุบัน
เพลงชาติไทยฉบับที่หนึ่ง
แต่เดิมประเทศไทยเรานั้นไม่ได้ร้องเพลงชาติกันแบบทุกวันนี้ เพราะกว่าจะมาเป็นเพลงชาติไทยที่เราร้องกันอยู่นี้ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 4 ที่ทหารอังกฤษนำเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” ของประเทศอังกฤษ มาใช้ในการฝึกทหารแตร ของไทย และเป็นเพลงประจำชาติของอังกฤษ สมัยนั้นจึงได้ถือว่า
เพลงนี้ เป็นเพลงเกียรติยศ ถวายความเคารพ ต่อพระมหากษัตริย์ และคนไทยจึงเรียกกันว่า "เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ" ระหว่างปี พ.ศ. 2395 ถึง 2414
หลังจากนั้นได้มีการนำเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” มาดัดแปลเนื้อร้องแต่คง ทำนองเดิมไว้ แต่ตั้งชื่อเพลงขึ้นใหม่ว่า “จอมราชจงเจริญ” นับว่านี้คือ เพลงชาติไทยฉบับแรก ของประเทศสยาม ในขณะนั้น ที่ประพันธ์เนื้อร้อง โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
เพลงชาติไทยฉบับที่สอง
ต่อมา พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาส ประเทศสิงคโปร์ และได้มีการบรรเลงเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” ถวายความเคารพ เนื่องจากขณะนั้น สิงคโปรเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หลังจากเสด็จกลับ จึงตระหนักว่า ประเทศจำเป็นต้องมีเพลงชาติที่เป็นของตัวเองขึ้น เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติ คณะครูดนตรีไทยจึงได้เลือก “เพลงทรงพระสุบัน” หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดยนำมาเรียบเรียงใหม่ให้มีความเป็นสากลขึ้นโดย นายเฮวุดเซน ( Heutsen )ใช้บรรเลงในระหว่างปี พ.ศ. 2414-2431
เพลงชาติไทยฉบับที่สาม
คือเพลง “สรรเสริญพระบารมี” (ฉบับปัจจุบัน) ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติในระหว่างปี พ.ศ. 2431-2475
เพลงชาติไทยฉบับที่สี่ หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (24 มิถุนายน2475) แล้ว เพลงชาติลำดับนี้เป็นเพลงชาติชั่วคราวคือ “เพลงชาติมหาชัย”ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) (เนื่องจากมีการเตรียมการโดยสังเขปที่จะสร้างเพลงชาติขึ้นมาใหม่ โดยสมาชิกของคณะผู้ก่อการท่านหนึ่งมอบหมายให้ พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้ประพันธ์ แต่ยัง ไม่เสร็จ เลยต้องใช้ทำนองเพลงไทยเดิม คือเพลงมหาชัย ไปพลางก่อน) ซึ่งถูกใช้เป็นเวลา 7วัน ก็เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน
เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า
ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาเป็นเพลงชาติฉบับที่แต่งทำนองโดยพระเจนดุริยางค์ เป็นเพลงชาติแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี คำร้องของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์)
จนกระทั่ง พ.ศ. 2477 รัฐบาลได้จัดประกวดเนื้อเพลงชาติใหม่ เพลงที่ได้รับคัดเลือกคือฉบับที่ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เพลงชาติฉบับนี้ได้ใช้เป็นเพลงบรรเลงออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงของกรมโฆษณาการอย่างเป็นทางการอยู่ระยะหนึ่ง สุดท้ายจึงเลือกใช้เพลงชาติฉบับของพระเจนดุริยางค์ จึงอาจจะกล่าวได้ว่าในยุคนั้นชาติไทยหรือประเทศสยาม ณ เวลานั้นของเรามีเพลงชาติไทยถึง 2 แบบ 2 ทำนอง
เพลงชาติไทยฉบับที่หก
ใช้เป็นเพลงชาติระหว่างปี พ.ศ. 2477-2482 เป็นเพลงชาติที่เป็นฉบับของทาง "ราชการ" ฉบับแรก เป็นเพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ ที่เพิ่มคำร้องของนายฉัน ขำวิไล เข้าต่อจากคำร้องของขุนวิจิตรมาตรา ทำให้เนื้อร้องเพลงชาติยาวมากเกินไป คนไทยส่วนใหญ่จึงนิยมร้องแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตราเท่านั้น
เพลงชาติไทยฉบับที่เจ็ด
ในปี พ.ศ. 2482 "ประเทศสยาม" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ประเทศไทย" รัฐบาลจึงได้จัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขยังคงใช้ทำนองของพระเจนดุริยางค์อยู่เช่นเดิม แต่กำหนดให้มีเนื้อร้องความยาวเพียง 8 วรรคเท่านั้น ผลการประกวดปรากฏว่าเนื้อร้องของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ซึ่งส่งประกวดในนามกองทัพบกได้รับรางวัลชนะเลิศ รัฐบาลไทยจึงได้ประกาศรับรองให้ใช้เป็นเนื้อร้องเพลงชาติไทยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แผ่นดินแดนทองไทยได้ครองเป็นของไทย
ไทยสมัครรักชาติไทยเป็นไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายใจรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบรบก็ไม่หวั่น (หรือพรั่น)
ใครรุกรานเราจะหั่นให้แตกหนี
สละชีพเพื่อชาติฟาดฟันไพรี
ให้ประเทศไทยทวี มีชัยชโย
ประเทศชาติไทยได้พ้นอับจนมา
เพราะคนไทยใจเก่งกล้าสามารถทุกสิ่ง
เลือดและเนื้อพลีให้ชาติไม่หวาดประวิง
ไทยไม่ทิ้งสามัคคีมีร่วมใจ
เราเจ็บแล้วต้องจำอยู่ซ้ำอีก
ใครจะฉีกชาติไทยแล้วไม่ได้
ตายดาบหน้ามาเถิดพี่น้องชาวไทย
สู้ทุกคนจนขาดใจให้ไทยชโย
ดินแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจของไทยทุกส่วน
รักษาเอกราชไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยเรารักสงบแต่รบก็ไม่พรั่น
ใครรุกรานเขาจะหั่นให้แตกหนี
ชีวิตเขายอดขาดเป็นขาติพลี
เถลิงประเทศไทยทวีมีชัย ชโย
ถิ่นแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ไทยทั้งมวลหมายรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบแต่ถึงรบไม่พรั่น
ใครรุกรานจะประจันให้ถึงที่
ชีวิตเขายอดขาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศทวีมีชัย ชโย
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประเทศอธิปไตยแห่งไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่หวาด
เอกราชไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชาธิปไตยของไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐไทยของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครย่ำยี
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
เนื้อร้องที่หลวงสารานุประพันธ์ทดลองแต่ง
เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 1
แต่งออกมาเป็น 2 บทแผ่นดินแดนทองไทยได้ครองเป็นของไทย
ไทยสมัครรักชาติไทยเป็นไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายใจรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบรบก็ไม่หวั่น (หรือพรั่น)
ใครรุกรานเราจะหั่นให้แตกหนี
สละชีพเพื่อชาติฟาดฟันไพรี
ให้ประเทศไทยทวี มีชัยชโย
ประเทศชาติไทยได้พ้นอับจนมา
เพราะคนไทยใจเก่งกล้าสามารถทุกสิ่ง
เลือดและเนื้อพลีให้ชาติไม่หวาดประวิง
ไทยไม่ทิ้งสามัคคีมีร่วมใจ
เราเจ็บแล้วต้องจำอยู่ซ้ำอีก
ใครจะฉีกชาติไทยแล้วไม่ได้
ตายดาบหน้ามาเถิดพี่น้องชาวไทย
สู้ทุกคนจนขาดใจให้ไทยชโย
เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 2
เอา 2 บทแรกมารวมกันใหม่ดินแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจของไทยทุกส่วน
รักษาเอกราชไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยเรารักสงบแต่รบก็ไม่พรั่น
ใครรุกรานเขาจะหั่นให้แตกหนี
ชีวิตเขายอดขาดเป็นขาติพลี
เถลิงประเทศไทยทวีมีชัย ชโย
เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 3
แก้ไขเพื่อส่งประกวดครั้งที่ 1ถิ่นแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ไทยทั้งมวลหมายรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบแต่ถึงรบไม่พรั่น
ใครรุกรานจะประจันให้ถึงที่
ชีวิตเขายอดขาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศทวีมีชัย ชโย
เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 4
แก้ไขเพื่อส่งประกวดครั้งที่ 2ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประเทศอธิปไตยแห่งไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่หวาด
เอกราชไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 5
ฉบับส่งประกวดจริงประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชาธิปไตยของไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
การแก้ไขของฝ่ายรัฐบาลไทย
รัฐบาลได้แก้ไขเนื้อร้องที่ชนะการประกวด 1 ครั้ง ก่อนแก้ให้เป็นฉบับที่ปรากฎในปัจจุบันประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐไทยของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครย่ำยี
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ส่วนที่ต่างจากฉบับทางการในปัจจุบัน
ฉบับรับรองทางการ พ.ศ. 2482ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น