วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

คุณเห็นอะไรในภาพขณะได้ยินเพลงชาติไทย

คลิปนี้ทำให้คุณอึ้งได้เลยกับฝรั่งเมื่อได้ยินเพลงชาติไทยของเรา


เราเป็นคนไทยนะครับ อย่าให้อายฝรั่งเขา เมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติไทย เราก็ควรยืนทำความเคารพเพลงชาติไทยกันนะครับ 

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประวัติเพลงชาติไทยตั้งแต่แรก

สัญลักษณ์ ประจำชาติ นั้นก็คือ เพลงชาติไทย ซึ่่งแสดงความเป็น เอกราช ของชาติ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เป็นศูนย์ รวมใจของคนในชาติให้เป็นจุดเดียวกัน สร้างความรู้สึกสำนึกในความเป็นพี่น้อง สร้างความภูมิใจ ในศักดิ์ศรี สิทธิ เสรีภาพ ระหว่างคนในชาติ และเพื่อปลุกใจให้เกิดความรักชาติ
เพลงชาติไทย

เนื้อหา


เพลงชาติไทยฉบับที่หนึ่ง

แต่เดิมประเทศไทยเรานั้นไม่ได้ร้องเพลงชาติกันแบบทุกวันนี้ เพราะกว่าจะมาเป็นเพลงชาติไทยที่เราร้องกันอยู่นี้ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 4 ที่ทหารอังกฤษนำเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” ของประเทศอังกฤษ มาใช้ในการฝึกทหารแตร ของไทย และเป็นเพลงประจำชาติของอังกฤษ สมัยนั้นจึงได้ถือว่า
เพลงนี้ เป็นเพลงเกียรติยศ ถวายความเคารพ ต่อพระมหากษัตริย์ และคนไทยจึงเรียกกันว่า "เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ" ระหว่างปี พ.ศ. 2395 ถึง 2414

หลังจากนั้นได้มีการนำเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” มาดัดแปลเนื้อร้องแต่คง ทำนองเดิมไว้ แต่ตั้งชื่อเพลงขึ้นใหม่ว่า “จอมราชจงเจริญ” นับว่านี้คือ เพลงชาติไทยฉบับแรก ของประเทศสยาม ในขณะนั้น ที่ประพันธ์เนื้อร้อง โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)


เพลงชาติไทยฉบับที่สอง 

ต่อมา พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาส ประเทศสิงคโปร์ และได้มีการบรรเลงเพลง “ก๊อดเซฟเดอะควีน” ถวายความเคารพ เนื่องจากขณะนั้น สิงคโปรเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หลังจากเสด็จกลับ จึงตระหนักว่า ประเทศจำเป็นต้องมีเพลงชาติที่เป็นของตัวเองขึ้น เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติ คณะครูดนตรีไทยจึงได้เลือก “เพลงทรงพระสุบัน” หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดยนำมาเรียบเรียงใหม่ให้มีความเป็นสากลขึ้นโดย นายเฮวุดเซน ( Heutsen )ใช้บรรเลงในระหว่างปี พ.ศ. 2414-2431

เพลงชาติไทยฉบับที่สาม 

คือเพลง “สรรเสริญพระบารมี” (ฉบับปัจจุบัน) ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติในระหว่างปี พ.ศ. 2431-2475


เพลงชาติไทยฉบับที่สี่ หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (24 มิถุนายน2475) แล้ว เพลงชาติลำดับนี้เป็นเพลงชาติชั่วคราวคือ “เพลงชาติมหาชัย”ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) (เนื่องจากมีการเตรียมการโดยสังเขปที่จะสร้างเพลงชาติขึ้นมาใหม่ โดยสมาชิกของคณะผู้ก่อการท่านหนึ่งมอบหมายให้ พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้ประพันธ์ แต่ยัง ไม่เสร็จ เลยต้องใช้ทำนองเพลงไทยเดิม คือเพลงมหาชัย ไปพลางก่อน) ซึ่งถูกใช้เป็นเวลา 7วัน ก็เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน


เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า  

ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาเป็นเพลงชาติฉบับที่แต่งทำนองโดยพระเจนดุริยางค์ เป็นเพลงชาติแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี  คำร้องของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์)
          จนกระทั่ง พ.ศ. 2477 รัฐบาลได้จัดประกวดเนื้อเพลงชาติใหม่ เพลงที่ได้รับคัดเลือกคือฉบับที่ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เพลงชาติฉบับนี้ได้ใช้เป็นเพลงบรรเลงออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงของกรมโฆษณาการอย่างเป็นทางการอยู่ระยะหนึ่ง สุดท้ายจึงเลือกใช้เพลงชาติฉบับของพระเจนดุริยางค์ จึงอาจจะกล่าวได้ว่าในยุคนั้นชาติไทยหรือประเทศสยาม ณ เวลานั้นของเรามีเพลงชาติไทยถึง 2 แบบ 2 ทำนอง


เพลงชาติไทยฉบับที่หก 

ใช้เป็นเพลงชาติระหว่างปี พ.ศ. 2477-2482 เป็นเพลงชาติที่เป็นฉบับของทาง "ราชการ" ฉบับแรก  เป็นเพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ ที่เพิ่มคำร้องของนายฉัน ขำวิไล เข้าต่อจากคำร้องของขุนวิจิตรมาตรา ทำให้เนื้อร้องเพลงชาติยาวมากเกินไป คนไทยส่วนใหญ่จึงนิยมร้องแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตราเท่านั้น


เพลงชาติไทยฉบับที่เจ็ด  

ในปี พ.ศ. 2482 "ประเทศสยาม" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ประเทศไทย" รัฐบาลจึงได้จัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขยังคงใช้ทำนองของพระเจนดุริยางค์อยู่เช่นเดิม แต่กำหนดให้มีเนื้อร้องความยาวเพียง 8 วรรคเท่านั้น ผลการประกวดปรากฏว่าเนื้อร้องของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ซึ่งส่งประกวดในนามกองทัพบกได้รับรางวัลชนะเลิศ รัฐบาลไทยจึงได้ประกาศรับรองให้ใช้เป็นเนื้อร้องเพลงชาติไทยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


เนื้อร้องที่หลวงสารานุประพันธ์ทดลองแต่ง


เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 1

แต่งออกมาเป็น 2 บท

แผ่นดินแดนทองไทยได้ครองเป็นของไทย
ไทยสมัครรักชาติไทยเป็นไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายใจรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบรบก็ไม่หวั่น (หรือพรั่น)
ใครรุกรานเราจะหั่นให้แตกหนี
สละชีพเพื่อชาติฟาดฟันไพรี
ให้ประเทศไทยทวี มีชัยชโย

ประเทศชาติไทยได้พ้นอับจนมา
เพราะคนไทยใจเก่งกล้าสามารถทุกสิ่ง
เลือดและเนื้อพลีให้ชาติไม่หวาดประวิง
ไทยไม่ทิ้งสามัคคีมีร่วมใจ
เราเจ็บแล้วต้องจำอยู่ซ้ำอีก
ใครจะฉีกชาติไทยแล้วไม่ได้
ตายดาบหน้ามาเถิดพี่น้องชาวไทย
สู้ทุกคนจนขาดใจให้ไทยชโย


เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 2

เอา 2 บทแรกมารวมกันใหม่

ดินแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจของไทยทุกส่วน
รักษาเอกราชไว้ไม่แปรปรวน
ทุกคนล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยเรารักสงบแต่รบก็ไม่พรั่น
ใครรุกรานเขาจะหั่นให้แตกหนี
ชีวิตเขายอดขาดเป็นขาติพลี
เถลิงประเทศไทยทวีมีชัย ชโย


เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 3

แก้ไขเพื่อส่งประกวดครั้งที่ 1

ถิ่นแดนทองไทยตั้งครองประเทศไทย
รวมเลือดเนื้อรวมน้ำใจไทยทุกส่วน
เอกราชรักษาไว้ไม่แปรปรวน
ไทยทั้งมวลหมายรักสามัคคี
ไทยเขารักสงบแต่ถึงรบไม่พรั่น
ใครรุกรานจะประจันให้ถึงที่
ชีวิตเขายอดขาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศทวีมีชัย ชโย


เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 4

แก้ไขเพื่อส่งประกวดครั้งที่ 2

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประเทศอธิปไตยแห่งไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่หวาด
เอกราชไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


เนื้อร้องเพลงชาติไทยครั้งที่ 5

ฉบับส่งประกวดจริง

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชาธิปไตยของไทยทุกส่วน
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


การแก้ไขของฝ่ายรัฐบาลไทย

รัฐบาลได้แก้ไขเนื้อร้องที่ชนะการประกวด 1 ครั้ง ก่อนแก้ให้เป็นฉบับที่ปรากฎในปัจจุบัน

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐไทยของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครย่ำยี
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


ส่วนที่ต่างจากฉบับทางการในปัจจุบัน

ฉบับรับรองทางการ พ.ศ. 2482
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เพลงชาติไทย

บทนำ

สัญลักษณ์ของประเทศไทยอย่างหนึ่งที่สำคัญมากๆเลยนั้นก็คือ เพลงชาติไทย ซึ่งเพื่อนๆนั้นได้ซึมซับกับเพลงชาติไทยมาตั้งแต่เด็กเล็กๆแล้ว ตั้งแต่เข้าโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ทุกๆเช้าเราต้องเข้าแถวที่โรงเรียนเพื่อนร้องเพลงชาติไทยกัน อีกทั้งได้มีการเปิดวิทยุกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ ทุกวันตอน เวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ซึ่งเพื่อนๆนี้รู้จักกันเป็นอย่างดี ทางเราจึงได้รวบรวมความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเพลงชาติไทยมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับ เพลงชาติไทย ได้เข้ามาหาความรู้ เพื่อที่โอกาสข้างหน้าจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

เนื้อหา



ประวัติเพลงชาติไทย

สมัยก่อนประเทศไทยปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เมื่อมีพระมหากษัตริย์ต่างชาติที่เสด็จเยี่ยมประเทศสยาม เราได้ใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงถวายความเคารพตามธรรมเนียมสากล ซึ่งเพลงดังกล่าวใช้เป็นเพลงชาติของประเทศสยามอย่างเป็นทางการไป แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชมา เป็นระบอบประชาธิปไตย (เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475) ได้เพียงสองสามวัน เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการและต่อมาได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก ได้แต่งเพลงชาติขึ้นเพื่อปลุกใจให้คนไทยรักชาติ สมัครสมานสามัคคีตลอดจนเกิดเลื่อมใสในรัฐธรรมนูญ ทำนองร้อง ใช้ทำนองเพลงมหาชัย ส่วนบทร้องมีดังนี้

"สยามอยู่คู่ฟ้า อย่าสงสัย
เพราะชาติไทยเป็นไทยไปทุกเมื่อ
ชาวสยามนำสยามเหมือนนำเรือ
ผ่านแห่งเกาะเพราะเพื่อชาติพ้นภัย
เราร่วมใจกันรักสมัครหนุน
วางธรรมนูญสถาปนาพรรษาใหม่
ยกสยามยิ่งยงธำรงชัย
ให้คงไทยตราบสิ้นดินฟ้า"

พวกคณะผู้ก่อการจึงไม่ค่อยพอใจ ต่อมาจึงได้ดำริจะให้มีเพลงชาติแบบสากลที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษจริงๆ นายนาวาตรี หลวงนิเสศกลกิจ ร.น. ( กลาง โรจนเสนา) ได้ติดต่อขอให้พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยากร)ช่วยแต่งทำนองเพลงขึ้น เสร็จแล้วขอให้ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) แต่งคำร้องประกอบ สำเร็จออกเป็นเพลงชาติที่ได้ใช้ร้องกันทั่วไป เนื้อเพลงมีดังนี้

"แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา
ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย
บางสมัยศัตรูจู่มารบ
ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่
ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของชาติไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราชคือกระดูกที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสระเสรี
ใครยำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย
สถาปนาสยามให้เชิดชัยชโย"


พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) ผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย

ที่มาของทำนองเพลงชาติปัจจุบันนั้น จากบันทึกความทรงจำของพระเจนดุริยางค์ ได้เล่าไว้ว่า ราวปลายปี พ.ศ. 2474 เพื่อนนายทหารเรือชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งของท่าน คือ หลวงนิเทศกลกิจ (กลาง โรจนเสนา) ได้ขอให้ท่านแต่งเพลงสำหรับชาติขึ้นเพลงหนึ่ง ในลักษณะของเพลงลามาร์แซแยส ซึ่งพระเจนดุริยางค์ได้บอกปฏิเสธ เพราะถือว่าเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงชาติอยู่แล้ว ทั้งการจะให้แต่งเพลงนี้ก็ยังไม่ใช่คำสั่งของทางราชการด้วย แม้ภายหลังหลวงนิเทศกลกิจจะมาติดต่อให้แต่งเพลงนี้อีกหลายครั้งก็ตาม พระเจนดุริยางค์ก็หาทางบ่ายเบี่ยงมาตลอด เพราะท่านสงสัยว่าการขอร้องให้แต่งเพลงนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง ประกอบกับในเวลานั้นก็มีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติอย่างหนาหูด้วย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ผ่านไปได้ประมาณ 5 วันแล้ว หลวงนิเทศกลกิจ ซึ่งพระเจนดุริยางค์รู้ภายหลังว่าเป็น 1 ในสมาชิกคณะราษฎรด้วย ได้กลับมาขอร้องให้ท่านช่วยแต่งเพลงชาติอีกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของคณะผู้ก่อการ ท่านเห็นว่าคราวนี้หมดทางที่จะบ่ายเบี่ยง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงขอเวลาในการแต่งเพลงนี้ 7 วัน และแต่งสำเร็จในววันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ตนได้กำหนดนัดหมายวันแต่งเพลงชาติไว้ ขณะที่นั่งบนรถรางสายบางขุนพรหม-ท่าเตียน เพื่อไปปฏิบัติราชการที่สวนมิสกวัน จากนั้นจึงได้เรียบเรียงเสียงประสานสำหรับให้วงดุริยางค์ทหารเรือบรรเลง โดยได้เลือกใช้ทำนองคล้ายคลึงกับเพลงมาซูแร็กดอมบรอฟสกีแยกอและมอบโน้ตเพลงนี้ให้หลวงนิเทศกลกิจนำไปบรรเลง ในการบรรเลงตนตรีประจำสัปดาห์ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมในวันพฤหัสบดีถัดมา พร้อมทั้งกำชับว่าให้ปิดบังชื่อผู้แต่งเพลงเอาไว้ด้วย


คำร้อง / เนื้อเพลงชาติไทย (ฉบับปัจจุบัน)




ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย

ประวัติเพลงชาติไทยตั้งแต่แรก

มาฝึกร้องเพลงชาติไทยกันเถอะ

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องการฝึกหัดเด็กๆ ให้ร้องเพลงชาติไม่ว่าจะเป็นคู่ คู่สามี-ภรรยาชาวต่างชาติ หรือว่าคนไทยที่ราบสูง ต่อไปเราของเสนอเพลงชาติไทย เป็นคาราโอเกะ + ความหมายภาษาอังกฤษเลยครับ


เนื้อเพลงชาติไทย ภาษาอังกฤษ พร้อมความหมาย


Thailand National Anthem (Phleng Chat Thai) Lyrics & Meaning

pra-ted-thai-ruam-lued-nua-chad-chue-thai
(Thailand embraces to its bosom all people of Thai blood,)
pen-pra-cha-rad-pra-thai-kong-thai-took-suan
(The land of Thailand belongs to the Thai people.)
yu-dam-rong-kong-waai-dai-tang-muan
(It has long maintained its sovereignty.)
duay-thai-luan-mai-rak-sa-mak-ki
(Because Thais have always been united.)
thai-ni-rak-sa-ngop-tae-tung-rob-mai-klad
(The Thai people are peace-loving, but they are not cowards at war,)
ake-ka-rat-ja-mai-hai-krai-kom-kee
(Nor shall they suffer under tyranny.)
sa-la-lurend-took-yard-pen-chard-plee
(All Thais are ready to give every drop of their blood,)
ta-leng-pra-thed-chad-thai-ta-wee-me-chai-chai-yo
(For the nation’s safty, freedom and progress.)


โน้ตเพลงชาติไทย



5 คลิปเด็กๆน่ารักๆร้องเพลงชาติไทย

เพลงชาติไทย เพื่อนๆนั้นเคยร้องกันแทบทุกคนนั้นแหละตั้งแต่จำความได้เลยก็ว่าได้ พอเราเข้าโรงเรียนหน่อยก็จะต้องเข้าแถวแล้วร้องเพลงชาติตอนเช้ากัน หรือเพื่อนๆอาจร้องตามโทรทัศน์ตามประสาเด็กๆก็ได้ แต่ก็มีเด็กๆบางส่วนที่ฝึกร้องเพลงชาติไทยของเราและมีพ่อแม่นำกล้องมาอัดวีดีโอไว้สำหรับเก็บเป็นอนุสรณ์ไว้ในวัยเด็ก ซึ่งวันนี้ผมจะคลิปเด็กๆร้องเพลงชาติไทย ที่น่ารักๆ มาให้เพื่อนๆดูแล้วก็สามารถอมยิ้มได้เลยกับความน่ารักของน้องๆ เพื่อนๆสามารถดูได้เลยครับ

คลิปแรก เป็นคลิปของพี่น้องลูกครึ่งชายและหญิง ที่คุณแม่ของเขากำลังฝึกให้ร้องเพลงชาติไทย เด็กๆต้องใจร้องกันเลยละครับ น่ารักมากๆๆ



คลิปต่อมา เพลงชาติไทยร้องโดยน้องมิ้นท์ ซึ่งมีอายุ 4 ขวบ และสามารถร้องเพลงชาติไทยได้อย่างถูกต้องชัดเจนทุกถ้อยคำ น่ารักมากๆ แบบเด็กๆ


คลิปต่อมา  เพลงชาติไทยร้อยโดยเด็กๆ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งร้องประสานเสียงกันได้อย่างไพเราะมากๆเลยครับ



คลิปต่อมา เป็นคลิปของเด็กชาวเขาเผ่ามงคนหนึ่งที่พูดไม่ค่อยชัดกำลังยืนหัดร้องเพลงชาติไทย โดยพี่ชายได้ถ่ายเอาไว้ และนำมาแบ่งปันให้เรารับชมกันในความน่ารักแบบเด็กๆ



คลิปต่อมา เพลงชาติไทยร้องโดยน้องธีร์ น่ารักมากๆครับ





ทำไมถึงต้องเคารพธงชาติเวลา 08.00 น. และ 18.00 น.

คนไทยจะมีการเคารพธงชาติวันละสองครั้ง คือตอน 08.00 น. และ 18.00 น. ซึ่งเป็นหนึ่งในการรณรงค์ใน สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อรัฐนิยม แต่พอสิ้นยุครัฐนิยม ธรรมเนียมดังกล่าวก็เลือนๆไป 

ต่อมาเมื่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยมี นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลลงมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้กำหนดเวลาชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาเวลา 08.00 น. และเชิญธงลงจากเสาเวลา 18.00 น. และเชิญชวนให้ข้าราชการหยุดยืนเคารพธงชาติในเวลา 08.00 น. เพื่อเป็นตัวอย่างอันดีแก่ประชาชนทั่วไป

โดย ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องระเบียบการชักธงชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2519 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2519

หลังจากระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีการเปิดรับฟังการเทียบเวลาจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทุกเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ซึ่งตามสี่แยกต่าง ๆ จะมีผู้นำเครื่องขยายเสียงไปติดตั้งไว้ และ ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเพลงต่างก็จะหยุดยืนแสดงความเคารพธงชาติ จนแม้รถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ก็จะหยุดแสดงความเคารพเช่นกัน 

เข้าใจว่าการออกอากาศเพลงชาติไทยทางโทรทัศน์ตอน 08.00 น. และ 18.00 น. พร้อมกันทุกช่อง ก็คงเริ่มขึ้นในช่วงเวลานี้